Red on the Rock “ขุนพลหมายเลข 7”

เป็นอันได้ข้อยุติเรียบร้อยสำหรับ “ขุนพลหมายเลข 7” คนใหม่ของกองทัพอสูรอันเกรียงไกร และก็เป็นเด็กหน้าใหม่ประจำกองทัพ แต่เจนสังเวียนศึกอย่าง “ไมเคิล โอเว่น” ที่ได้รับความไว้วางใจจากออกญามหาเสนา “อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” สืบทอดตำแหน่งสำคัญต่อไป
เมื่อขุนพลเอก “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” หนีทัพไปสวามิภักดิ์ต่อราชันย์อาภรขาว ทำให้ตำแหน่งขุนพลหมายเลข 7 ประจำกองทัพว่างลง ชาวอสูรจึงคาดหมายกันไปต่างๆ นานาถึงผู้เข้ามารับช่วงต่อ แต่กระแสแรงสุดคงหนีไม่พ้นการย้าย “เวย์น รูนี่ย์” มาจากตำแหน่งหมายเลข 10 ซึ่งถือเป็นแคนดิเดทหมายเลข 1 ก่อนจะมาตกล่องปล่องชิ้นที่ “เบบี้โกล์” หลังถูกเกณฑ์มาร่วมทัพ
แต่ไหนแต่ไรมา ขุนพลหมายเลข 7 ถือเป็นสิ่งสำคัญชนิดขาดไม่ได้ประจำกองทัพอสูร และไม่เคยห่างหายไปจากทีมเหมือนหมายเลขอื่นในแนวรุกปีศาจ
หลังจากมีการมอบหมายเลขประจำเป็นหลักแหล่ง การแยกทางของ “มาร์ค ฮิวจ์ส” ทำให้หมายเลข 10 ว่างลงในซีซั่น 1995-96 ก่อนถูกสวมสิทธิด้วย “เดวิด เบ็คแฮม” ในปีถัดมา
การอำลาทีมของ “แอนดี้ โคล” ทำให้หมายเลข 9 ว่างลงในช่วงปี 2002-03 ก่อนที่จะทดแทนด้วย “หลุยส์ ซาฮา” ในปีรุ่งขึ้น
แล้วหมายเลข 10 ก็ถูกปล่อยร้างอีกครั้งในฤดูกาล 2006-07 เมื่อ “รุด ฟาน นิสเตลรอย” ถูกเขี่ยพ้นทีมออกไป ก่อนจะโยก “เวย์น รูนี่ย์” เข้ามารับหน้าที่สานต่อในฤดูกาล 2007-2008
นอกจากจะไม่เคยไร้ขุนพลหมายเลข 7 แล้ว แต่ละคนที่ได้รับหน้าที่นี้ ล้วนแต่มีเอกลักษณ์และความสามารถอันเอกอุ ถือเป็นนักเตะระดับ “ยอดขุนศึกในตำนาน” ด้วยกันทั้งสิ้น
“จอร์จ เบสต์” ถือเป็นขุนพลหมายเลข 7 ระดับตำนานยุคบุกเบิก แม้จะสวมหมายเลข 11 อยู่บ่อยครั้ง แต่แฟนผีดูจะจดจำ “เทพบุตรลูกหนัง” ได้มากกว่าภายใต้หมายเลข 7 ด้วยผลงาน 179 ประตู จาก 470 นัด ครองท็อปไฟว์ดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรมากว่า 30 ปี
“ไบรอัน ร็อบสัน” เป็นผู้ปฏิวัติหมายเลข 7 ไม่ให้จำกัดอยู่กับตำแหน่งปีกขวาเท่านั้น “กัปตันมาร์เวล” บัญชาการแดนกลางอย่างห้าวหาญตลอด 461 นัด กับอีก 99 ประตู แม้กระดูกจะหักเกือบทั้งตัว แต่เขาไม่เคยลดความดุดัน และพุ่งเข้าหาบอลเป็นคนแรกเสมอ
“เอริค คันโตน่า” อัครศิลปินลูกหนังจากฝรั่งเศส นับเป็นมวลสารสำคัญในการปลุกวิญญาณปีศาจขึ้นมาโลดแล่นจากอเวจี แม้สถิติ 82 ประตู จาก 185 นัด ของ “เอริค เดอะ คิง” ดูจะไม่มากนัก หากเทียบกับนักล่าตาข่ายรายอื่น แต่ทุกครั้งที่มีการโหวตดรีมทีมปีศาจ เจ้าของโลโก้ปกตั้ง ก็ไม่เคยหายไปจากแดนหน้าของทีมสักครั้ง

“เดวิด เบ็คแฮม” ถือเป็นการกลับมาประจำตำแหน่งปีกขวาอีกครั้งของขุนพลหมายเลข 7 แม้จะไม่ได้รวดเร็วปานจรวดหรือพลิ้วไหวดังสายน้ำ แต่ด้วยการผ่านบอลที่ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ปีกรายนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แถมทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ ส่งผลให้ หนุ่มเบ็คส์ ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “ตัวพ่อจอมฟรีคิก”
“คริสเตียโน่ โรนัลโด้” แม้จะล่มจมใน 3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นเขาคือ ดาวซัลโวสูงสุดของทีม 3 สมัยซ้อน ด้วยความเร็วชั้นยอด เทคนิคชั้นเลิศ และการถล่มประตูชั้นเซียน จึงไม่แปลกที่ตู้โชว์ประจำบ้านของ ปีกโปตุกีส จะประดับด้วยรางวัลมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ “ลูกบอลทองคำ” ใบล่าสุดของปีศาจแดง
ทันทีที่ ท่านออกญาเฟอร์กูสัน ประเคนตำแหน่งสำคัญให้กับ โอเว่น เสียงติงก็ดังมาจากแฟนผีบางกลุ่มถึงความเหมาะสมของขุนพลแกะกล่อง แม้จะมีประสบการณ์โชกโชน แต่ศูนย์หน้าวัยเกือบ 30 ก็บาดเจ็บโชกโชนไม่แพ้กัน ยิ่งเจ้าตัวสืบเชื้อสายมาจากอริตลอดกาล แถมยังเคยส่องตาข่ายปีศาจไปถึง 6 ประตู ยัดเยียดความปราชัยให้กองทัพอสูรในศึกแดงเดือดถึง 2 ครั้ง 2 ครา จึงดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่กับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้
แต่ทันทีที่นกหวีดอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่นดังขึ้น โอเว่น ก็ไม่รอช้าที่จะตอบแทนความเชื่อมั่นของ ท่านเซอร์ ด้วย 2 ประตู จาก 2 นัด ในแดนเสือเหลือง แม้จะถือเป็นเกมที่ไม่เป็นทางการ แต่การตามซ้ำดาบสองทั้ง 2 ประตู ก็แสดงถึงสัญชาตญาณเพชฌฆาตที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยมในตัว ซึ่งน่าจะสร้างความมั่นใจให้เจ้าตัวไม่น้อย พร้อมกับช่วยให้สาวกปีศาจยอมรับในตัวศูนย์หน้ารายใหม่มากยิ่งขึ้น

ป๋าเฟอร์กี้ เผยถึงความคาดหวังต่อ เบบี้โกล์ ไว้อย่างชัดเจนทันทีที่การจรดปากกาผ่านไปเรียบร้อย
“การมาของโอเว่น จะช่วยให้ปีศาจแดงมีอาวุธที่หลากหลายมากขึ้น”
และอาวุธชิ้นนี้ก็พร้อมแสดงแสนยานุภาพแล้วทุกเมื่อ ในฐานะขุนพลหมายเลข 7 คนปัจจุบัน
chokechone11

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts